Personalization บนเว็บไซต์โรงแรม: เทคนิคทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษและอยากจอง
ในยุคที่ลูกค้าถูกโจมตีด้วยข้อมูลและโฆษณามากมาย การตลาดแบบเหวี่ยงแหใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป Personalization หรือการปรับเปลี่ยนประสบการณ์บนเว็บไซต์ให้เป็นส่วนตัวเฉพาะบุคคล จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้โรงแรมของคุณโดดเด่นและสร้างความผูกพันกับลูกค้าได้ลึกซึ้งขึ้น การทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “เว็บไซต์นี้เข้าใจฉัน” จะช่วยกระตุ้นให้พวกเขากดจองตรงได้ง่ายขึ้น
บทความนี้จะเผยเทคนิคการใช้ Personalization เพื่อเพิ่มยอดจองโรงแรมของคุณ
เลือกอ่านตามหัวข้อ
1.
Personalization คืออะไร?
2.
5 เทคนิค Personalization บนเว็บไซต์โรงแรมที่ช่วยเพิ่มยอดจอง
1. Personalization คืออะไร?
Personalization คือการใช้ข้อมูลของลูกค้า (เช่น ประวัติการเข้าชม, สถานที่ตั้ง, หรือข้อมูลการจองครั้งก่อน) มาปรับเปลี่ยนองค์ประกอบบนเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับความสนใจและความต้องการของพวกเขาโดยเฉพาะ ไม่ใช่การแสดงเนื้อหาแบบเดียวกันกับทุกคน
2. 5 เทคนิค Personalization บนเว็บไซต์โรงแรมที่ช่วยเพิ่มยอดจอง
1. การปรับเปลี่ยนตามสถานที่ตั้งและภาษา (Location & Language)
นี่คือ Personalization พื้นฐานที่สร้างความประทับใจทันทีที่ลูกค้าเข้าสู่เว็บไซต์
- เปลี่ยนภาษาและสกุลเงินอัตโนมัติ: เมื่อลูกค้าเข้าชมเว็บไซต์ ควรตรวจจับ IP Address เพื่อปรับภาษาและสกุลเงินให้เป็นสกุลเงินท้องถิ่นของพวกเขาโดยอัตโนมัติ (เช่น ลูกค้าจากญี่ปุ่นเห็นเป็นภาษาญี่ปุ่นและสกุลเงิน JPY)
- โปรโมชั่นเฉพาะภูมิภาค: แสดงข้อเสนอพิเศษสำหรับประเทศหรือภูมิภาคที่กำลังเข้าชมเท่านั้น เช่น “โปรโมชั่นสำหรับคนไทย: ส่วนลด 15% สำหรับการเข้าพักวันธรรมดา”
2. การจดจำและทักทายลูกค้าเก่า (Returning Visitors)
การทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณจดจำพวกเขาได้ คือการสร้าง Human Touch ในรูปแบบดิจิทัล
- แสดงข้อความต้อนรับส่วนตัว: หากตรวจพบว่าลูกค้าเคยเข้าชมเว็บไซต์มาก่อน ให้แสดงข้อความต้อนรับ เช่น “ยินดีต้อนรับกลับ คุณสมศักดิ์! เรามีห้องวิวสระว่ายน้ำที่คุณเคยสนใจครั้งก่อนลดราคาพิเศษวันนี้”
- แสดงประวัติการค้นหาล่าสุด: หากลูกค้าเคยค้นหาวันที่และประเภทห้องพักไว้ แต่ยังไม่ได้จอง ให้แสดงปุ่ม “ค้นหาการจองล่าสุดของคุณ” เพื่อให้พวกเขาสามารถดำเนินการต่อได้ทันที
3. การเสนอห้องพักและแพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (Relevant Offers)
ใช้ข้อมูลพฤติกรรมการเข้าชมเพื่อคาดเดาความสนใจของลูกค้า
- ปรับเปลี่ยนห้องพักแนะนำ: หากลูกค้าใช้เวลาดูรายละเอียดห้องสวีทนานกว่าห้องธรรมดา ให้แสดงห้องสวีท หรือแพ็กเกจที่เกี่ยวข้องกับห้องสวีทในตำแหน่งที่โดดเด่นบนหน้าเว็บไซต์
- แนะนำบริการเสริมตามความสนใจ: หากลูกค้าเข้ามาจากลิงก์โปรโมทแพ็กเกจสปา ให้แสดงข้อความ Pop-up สั้น ๆ ที่เสนอส่วนลด 10% สำหรับบริการสปาเมื่อจองห้องพัก เป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้เสริม
4. ใช้ Social Proof ที่สอดคล้องกับความสนใจ
การแสดงหลักฐานทางสังคมต้องไม่ใช่การแสดงรีวิวแบบสุ่ม แต่ต้องแสดงรีวิวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ลูกค้ากำลังมองหา
- รีวิวตามประเภทห้อง: เมื่อลูกค้าดูหน้าห้องพักแบบครอบครัว ให้แสดงรีวิวจากผู้เข้าพักที่เป็นครอบครัวเท่านั้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นที่ตรงจุด
- แสดงความเร่งด่วนแบบเฉพาะเจาะจง: ใช้ข้อความ Pop-up ที่ระบุว่า “ห้องพักที่คุณกำลังดูถูกจองไปแล้ว 2 ห้องใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา” เพื่อกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกเร่งด่วนในการจอง (Scarcity & Urgency)
5. การสื่อสารแบบส่วนตัวผ่าน Email Automation
Personalization ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บนเว็บไซต์เท่านั้น แต่รวมถึงช่องทางอื่น ๆ ด้วย
- อีเมลติดตามผล (Abandoned Cart Email): หากลูกค้ากรอกข้อมูลการจองเกือบเสร็จแล้ว แต่ไม่ได้ทำธุรกรรมต่อ ให้ส่งอีเมลติดตามผลทันที โดยมีภาพห้องพักที่พวกเขาสนใจ และมีปุ่ม CTA ที่นำกลับไปยังหน้าจองเดิมโดยตรง
- เสนอส่วนลดวันเกิด/วันครบรอบ: ใช้ข้อมูลวันเกิดหรือวันครบรอบแต่งงานที่ลูกค้าเคยกรอกไว้ในระบบ CRM เพื่อส่งคูปองส่วนลดพิเศษเป็นการส่วนตัว เป็นการสร้างความผูกพันในระยะยาว
Personalization บนเว็บไซต์โรงแรมคือการเปลี่ยนจากการขายแบบหว่านแห มาเป็นการ “สื่อสารแบบหนึ่งต่อหนึ่ง” การลงทุนในเทคโนโลยีที่สามารถจดจำลูกค้าและปรับเปลี่ยนประสบการณ์การจองให้เป็นส่วนตัว จะช่วยเพิ่มความรู้สึกพิเศษให้กับลูกค้า สร้างความภักดีต่อแบรนด์ และเพิ่มยอดจองตรงบนเว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีนัยสำคัญ
หากคุณต้องการระบบจองที่สามารถ เก็บข้อมูลลูกค้าได้ครบถ้วน และมีฟีเจอร์ในการทำ Personalization ที่ชาญฉลาด ทั้งการจดจำผู้เข้าชม, การปรับเปลี่ยนโปรโมชั่น, และรองรับ Email Automation ที่มีประสิทธิภาพ ดูรายละเอียด คลิกที่นี่