เทคนิคทำ Pricing Strategy บนเว็บไซต์โรงแรมให้แข่งกับ OTA ได้
การแข่งขันในตลาดโรงแรมออนไลน์ทุกวันนี้ดุเดือดกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมเล็กหรือใหญ่ก็ต้องเผชิญหน้ากับแพลตฟอร์มจองห้องพักออนไลน์ (OTA) ยักษ์ใหญ่ที่ทุ่มงบมหาศาลเพื่อดึงลูกค้า การพึ่งพา OTA อย่างเดียวอาจทำให้คุณต้องเสียค่าคอมมิชชันสูง และพลาดโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง
แต่ถ้าคุณมีเว็บไซต์โรงแรมเป็นของตัวเอง คุณมีโอกาสที่จะสร้างกลยุทธ์การตั้งราคาที่ทรงพลังเพื่อดึงดูดยอดจองตรงได้
วันนี้เราจะมาแชร์ 4 เทคนิคทำ Pricing Strategy ที่จะช่วยให้เว็บไซต์โรงแรมของคุณสามารถแข่งขันกับ OTA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เลือกอ่านตามหัวข้อ
1.
ใช้กลยุทธ์ Price Parity พร้อมมอบ Added Value
2.
สร้างแพ็กเกจพิเศษที่หาไม่ได้จากที่อื่น
3.
นำเสนอ Exclusive Deals สำหรับสมาชิก
4.
ใช้ Dynamic Pricing อย่างชาญฉลาด
1. ใช้กลยุทธ์ Price Parity พร้อมมอบ Added Value

กลยุทธ์ “Price Parity” คือการตั้งราคาห้องพักบนเว็บไซต์โรงแรมของคุณให้ เท่ากับ หรือ ถูกกว่า ราคาที่ขายผ่าน OTA เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะเปรียบเทียบราคาจากหลายช่องทาง หากพบว่าราคาบนเว็บไซต์ของคุณสูงกว่า พวกเขาก็จะหันไปจองผ่าน OTA ทันที
แต่การตั้งราคาเท่ากันอย่างเดียวอาจไม่พอ สิ่งที่สำคัญคือการมอบ “Added Value” หรือคุณค่าเพิ่มพิเศษที่หาไม่ได้จากช่องทางอื่น เพื่อจูงใจให้ลูกค้าเลือกจองตรงกับคุณ เช่น:
อาหารเช้าฟรี: เสนอแพ็กเกจราคาเท่ากันแต่เพิ่มอาหารเช้าฟรี
เครดิตสำหรับใช้จ่ายในโรงแรม: มอบเครดิตสำหรับใช้บริการสปา ร้านอาหาร หรือบาร์
อัปเกรดห้องพักฟรี: รับประกันการอัปเกรดห้องพักในกรณีที่ห้องว่าง
Early Check-in / Late Check-out: ให้สิทธิพิเศษในการเข้าพักและเช็กเอาต์ที่ยืดหยุ่นกว่าปกติ
2. สร้างแพ็กเกจพิเศษที่หาไม่ได้จากที่อื่น

OTA มักจะขายห้องพักแบบ “Room Only” แต่เว็บไซต์โรงแรมของคุณมีอิสระในการสร้างสรรค์แพ็กเกจที่น่าดึงดูดได้มากกว่านั้น ลองออกแบบแพ็กเกจที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณ
Romantic Getaway: แพ็กเกจสำหรับคู่รักที่มาพร้อมกับดอกไม้ไวน์และอาหารค่ำสุดพิเศษ
Family Fun: แพ็กเกจสำหรับครอบครัวที่รวมกิจกรรมสำหรับเด็กหรือบัตรเข้าสวนสนุกใกล้เคียง
Wellness Retreat: แพ็กเกจที่รวมบริการสปา โยคะ หรือเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ
การสร้างแพ็กเกจเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้คุณแตกต่างจากคู่แข่ง แต่ยังช่วยเพิ่มมูลค่าการจองเฉลี่ย (Average Booking Value – ABV) ให้สูงขึ้นอีกด้วย
3. นำเสนอ Exclusive Deals สำหรับสมาชิก

ระบบสมาชิก (Membership) หรือการสร้างฐานลูกค้าประจำคืออีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทรงพลังในการสร้างยอดจองตรง ลองสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ของคุณและมอบข้อเสนอพิเศษที่สงวนไว้สำหรับสมาชิกเท่านั้น
ส่วนลดพิเศษสำหรับสมาชิก: ให้ส่วนลดเพิ่มเติม 5-10% จากราคาปกติ
Private Sales: จัดช่วงเวลาให้สมาชิกสามารถจองห้องพักในราคาพิเศษก่อนใคร
สะสมคะแนนแลกสิทธิพิเศษ: มอบแต้มสะสมจากการจองตรง เพื่อนำไปแลกเป็นส่วนลดหรือบริการอื่น ๆ ในอนาคต
กลยุทธ์นี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดยอดจองตรง แต่ยังช่วยสร้าง Loyalty หรือความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาวอีกด้วย
4. ใช้ Dynamic Pricing อย่างชาญฉลาด

Dynamic Pricing คือการปรับราคาห้องพักแบบเรียลไทม์ตามปัจจัยต่างๆ เช่น ช่วงเวลา, ฤดูกาล, ความต้องการของตลาด หรือแม้แต่ราคาของคู่แข่ง การใช้ระบบ Dynamic Pricing ที่ชาญฉลาดจะช่วยให้คุณสามารถเพิ่มรายได้ในช่วงที่มีดีมานด์สูง และกระตุ้นยอดจองในช่วงที่มีดีมานด์ต่ำ
ปรับราคาตามช่วงเวลา: ตั้งราคาให้สูงขึ้นในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว
ลดราคาในนาทีสุดท้าย: เสนอส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองแบบกระชั้นชิดเพื่อเติมเต็มห้องที่ยังว่างอยู่
ใช้ข้อมูลเป็นตัวช่วย: วิเคราะห์ข้อมูลการจองย้อนหลังเพื่อคาดการณ์แนวโน้มและตั้งราคาได้อย่างแม่นยำ
การใช้ Dynamic Pricing ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าราคาที่คุณเสนอบนเว็บไซต์จะมีความยืดหยุ่นและแข่งขันได้ตลอดเวลา แต่สิ่งสำคัญคือคุณต้องทำให้มั่นใจว่าราคาบนเว็บไซต์ของคุณดีกว่าหรือเท่ากับราคาที่เสนอผ่าน OTA เสมอ
การสร้าง Pricing Strategy ที่แข็งแกร่งบนเว็บไซต์โรงแรมไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องอาศัยการวางแผนและทำอย่างสม่ำเสมอ การใช้เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถดึงยอดจองตรงได้มากขึ้น ลดการพึ่งพา OTA และเพิ่มผลกำไรให้กับโรงแรมของคุณในระยะยาว
หากคุณกำลังมองหาระบบจองห้องพักที่รองรับเทคนิคทำ Pricing Strategy ให้แข่งขันกับ OTA ได้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คลิกที่นี่